โคบอลท์ ( Co) โลหะนี้ผสมกับเหล็กกล้าเพื่อใช้เป็นเครื่องมือตัดโลหะ ประโยชน์สำคัญมากใช้ทำโคบอลท์ 60 เพื่อการรักษามะเร็ง 27. ทังสเตน ( W) ปัจจุบันใช้ทำไส้หลอดไฟฟ้า ใช้ผสมกับเหล็กใช้ทำ Tungsten carbide ซึ่งจัดว่าเป็นสารที่แข็งมาก ใช้ประกอบเครื่องมือตัดโลหะด้วยความเร็วสูง 28. เยอรเมเนียม ( Ge) เป็นธาตุที่หายากมาก ใช้เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องทรานซิสเตอร์ และใช้ในเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
ความว่องไวของการเกิดปฏิกิริยา ธาตุหมู่ IA ชื่อ โลหะแอลคาไลน์ มีความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยามากกว่าหมู่ IIA ที่เรียกว่า โลหะแอลคาไลน์เอิร์ท ส่วนธาตุหมู่ VIIA ชื่อแฮโลเจน เป็นอโลหะที่มีความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยามากที่สุด 4.
ความเหนียว ส่วนมากเหนียว ดึงยืดเป็นเส้นลวด หรือตีเป็นแผ่นบ่างๆ ได้ อโลหะที่เป็นของแข็ง มีเปราะดึงยืดออกเป็นเส้นลวดหรือตีเป็นแผ่นบางๆ ไม่ได้ 5. ความหนาแน่น หรือความถ่วงจำเพาะ ส่วนมากมีความหนาแน่นสูง มีความหนาแน่นต่ำ 6. จุดเดือนและจุดหลอดเหลว ส่วนมากสูง เช่น เหล็ก มีจุดหลอดเหลว 1, 536 o C จุดเดือด 3, 000 o C ส่วนมากต่ำโดยเฉพาะพวกอโลหะที่เป็นก๊าซ 7. การเกิดเสียงเมื่อเคาะ มีเสียงดังกังวาน ไม่มีเสียงดังกังวาน 8. เกี่ยวกับอิเล็กตรอนและประจุไอออน เป็นพวกชอบให้อิเล็กตรอน ทำให้เกิดเป็นไอออนบวก เป็นพวกชอบรับอิเล็กตรอน ทำให้เกิดเป็นไอออนลบ 9. สารประกอบออกไซด์ โลหะออกไซด์เป็นเบส อโลหะออกไซด์เป็นกรด 3.
ในหน่วย cgs ความหนาแน่นคือกรัมต่อเซนติเมตร 3, และเมื่อน้ำมีความหนาแน่น 1 กรัม / ซม 3, น้ำหนักเฉพาะจะมีค่าตัวเลขเดียวกันกับความหนาแน่น แต่ไม่ใช่หน่วย (หน่วยจะถูกยกเลิก). แรงโน้มถ่วงที่เฉพาะเจาะจงมักจะเป็นคุณสมบัติการวินิจฉัยอย่างมากสำหรับแร่ธาตุที่มีความถ่วงจำเพาะสูง. โดยทั่วไปถ้าแร่มีประจุบวกจำนวนอะตอมสูงกว่าก็จะมีแรงโน้มถ่วงที่เฉพาะเจาะจงสูงขึ้น. การแตกหักและแตกหัก เมื่อแร่แตกตัวมันก็เกิดจากการแตกหักหรือการแตก (หรือการขัด) รอยแตกของผลึกเป็นรอยแตกที่ทำให้เกิดสิ่งที่ดูเหมือนเป็นใบหน้าแบน นี่คือกฎบางอย่างเกี่ยวกับการแบ่ง. ส่วนแรกทำซ้ำได้ซึ่งหมายความว่าคริสตัลสามารถแบ่งตามระนาบขนานเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีก. ส่วนทั้งหมดจะต้องขนานกับใบหน้าที่เป็นไปได้ของแก้ว ซึ่งหมายความว่าคริสตัลอาจมีด้านที่เป็นผลึกขนานกับรอยแยก แต่ใบหน้าเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเสมอไป. ระนาบการหารของแร่ทั้งหมดจะต้องตรงกับสมการของแร่ธาตุนั้น และในที่สุดแร่เดียวกันจะมีค่าเท่ากันเสมอ. การแตกหักอธิบายถึงคุณภาพของพื้นผิวการตัดออก แร่ธาตุส่วนใหญ่มีการแตกหักแบบผิดปกติหรือแบบเป็นเม็ด, กระดูกหักแบบคอนจูลอยด์ (แบบโค้ง, แบบเปลือกหอย) หรือแบบหักมุม (แบบหยาบ, แบบเนื้อฟัน).
แคลเซียมคลอไรด์ ( CaCl 2) ใช้เป็นสารดูดความชื้น ใช้ในเครื่องทำความเย็นในอุตสาหกรรมห้องเย็น ใช้ทำฝนเทียม 3. โพแทสเซี่ยมคลอไรด์ ( KCl) ใช้ทำปุ๋ย 4. แอมโมเนียมคลอไรด์ ( NH 4Cl) ใช้เป็นน้ำประสารดีบุก ใช้เป็นอิเล็กโทรไลต์เซลล์ถ่านไฟฉาย 5. โซเดียมหรือแคลเซียมคลอเรต ( NaClO 3, Ca (ClO 3) 2 ใช้เป็นสารฟอกสี ฟอกขาวเยื่อกระดาษ ใช้ฆ่าแบคทีเรีย และสาหร่ายในน้ำประปา และในน้ำสระ 6. HCl ใช้กำจัดสนิมเหล็กก่อนที่จะฉาบสารกันสนิม 7. DDT ใช้เป็นยาฆ่าแมลง ( ปัจจุบันเป็นสารต้องห้าม) 8. ฟรีออน หรือสาร CFC ใช้ทำความเย็น เป็นตัวขับดันในกระป๋องสเปรย์ 9. โบรโมคลอโรไดฟลูออโรมีเทน ( BFC) เป็นสารที่ใช้ดับเพลิงในรถยนต์ และเครื่องบิน 10. แคลเซียม ( Ca) เป็นธาตุหมู่ 2 มีความแข็งแรงพอใช้เป็นโลหะที่มีเงาวาว เบา ถ้าถูกับไอน้ำในอากาศมันจะหมดเงาทันที ทำปฏิกิริยากับน้ำได้ไฮโดรเจน 11. แคลเซียมคาร์บอเนต ( CaCO 3) พบมากในธรรมชาติเกิดอยู่ในแบบของ Limestone Marble ชอล์ก หอย เปลือกหอยกาบ และไข่มุก CaCO 3 ที่บริสุทธิ์ จะมีสีขาว CaCO 3 ที่อยู่ในรูปแบบของ Marble ใช้ประโยชน์ในการก่อสร้าง แต่ถ้าอยู่ในรูป Limestone ผสม Clay แล้วให้ความร้อนจะให้ซีเมนต์ 12.
8 ตาราง 3. 8 การจัดเรียงอิเล็กตรอนของโครเมียมและโครเมียมไอออนที่มีเลขออกซิเดชันต่างๆ จากตาราง 3. 8 จะพบว่าโครเมียมเกิดเป็นไอออนที่มีประจุได้ตั้งแต่ +1 ถึง +6 โดยที่การเกิดเป็น [ tex]Cr^ +[/tex] อะตอมจะเสีย 1 อิเล็กตรอนในระดับพลังงานนอกสุดก่อนคือ 4s เมื่อเกิดเป็นไอออนที่มีประจุสูงขึ้น อะตอมจะเสียอิเล็กตรอนเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นอิเล็กตรอนที่อยู่ในระดับพลังงาน 3d การที่โครเมียมสามารถให้อิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่ถัดเข้าไปจากระดับพลังงานนอกสุดและเกิดเป็นไอออนที่เสถียร ทำให้โครเมียมมีเลขออกซิเดชันได้หลายค่า ธาตุแทรนซิซันอื่นๆ ก็สามารถให้อิเล็กตรอนในลักษณะเดียวกับโครเมียมและมีเลขออกซิเดชันได้หลายค่าจึงเกิดสารประกอบได้หลายชนิดซึ่งนักเรียนได้ศึกษาเลขออกซิเดชันของธาตุในสารประกอบของธาตุเหล่านี้มาแล้ว 3. 3 สารประกอบเชิงซ้อนของธาตุแทรนซิชัน สารประกอบของธาตุแทรนซิชันชนิดต่างๆ เช่น ประกอบด้วย และ ส่วน ประกอบด้วย และ ทั้ง และ จัดเป็นไอออนเชิงซ้อนที่มีธาตุแทรนซิชันเป็นอะตอมกลางและยึดเหนี่ยวกับอะตอมหรือไอออนอื่นๆ ที่มาล้อมรอบด้วยพันธะโคออร์ดิเนตโคเวเลนต์ เขียนแสดงได้ดังนี้ สารประกอบที่ประกอบด้วยไอออนเชิงซ้อนจัดเป็นสารประกอบเชิงซ้อน ธาตุแทรนซิชันส่วนใหญ่จะเกิดเป็นสารประกอบเชิงซ้อย ธาตุแทรนซิชันส่วนใหญ่จะเกิดเป็นสารประกอบเชิงซ้อนที่มีสีต่างๆ กันดังที่ได้ศึกษามาแล้วในการทดลอง 3.
3. 3 ตำแหน่งของธาตุไฮโดรเจนในตารางธาตุ การจัดธาตุให้อยู่ในหมู่ใดของตารางธาตุจะใช้สมบัติที่คล้ายกันเป็นเกณฑ์ ในตารางธาตุปัจจุบันได้จัด ให้ธาตุไฮโดรเจน อยู่ในคาบที่ 1 ระหว่างหมู่ IA กับหมู่ VIIA เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ให้ศึกษาสมบัติบางประการของธาตุ ไฮโดรเจน เปรียบเทียบกับสมบัติของธาตุหมู่ IA และหมู่ VIIA จากตาราง ตารางแสดงสมบัติบางประการของธาตุไฮโดรเจนกับธาตุหมู่ IA และหมู่ VIIA สมบัติ ธาตุหมู่ IA ธาตุไฮโดรเจน ธาตุหมู่ VIIA 1. จำนวนเวเลนซ์ อิเล็กตรอน 1 7 2. เลขออกซิเดชันใน สารประกอบ +1 + 1 และ - 1 +3 +5 +7 -1 3. ค่า IE1 (kJ/mol) 382 - 526 1318 1015 - 1687 4. สถานะ ของแข็ง ก๊าซ / ของเหลว / 5. การนำไฟฟ้า นำ ไม่นำ เมื่อพิจารณาข้อมูลจากตาราง พบว่าธาตุไฮโดรเจนมีสมบัติคล้ายคลึงกับ ธาตุหมู่ IA และ ธาตุ หมู่ VIIA จึงไม่จัดธาตุไฮโดรเจนเข้ากับหมู่ IA หรือหมู่ VIIA ได้ คือ 1. มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 1 เหมือน หมู่ I A แต่ขาดอีก 1 จะจัดเรียงอิเล็กตรอนเหมือนก๊าซเฉื่อย 2. ในสารประกอบทั่วไปมีเลขออกซิเดชันเป็น + 1 เหมือนกับหมู่ IA แต่มีเลขออกซิเดชันเป็น – 1 ใน สารประกอบไฮไดรด์ เช่น LiH ทำให้ไฮโดรเจนมีเลขออกซิเดชันหลายค่าคล้าย หมู่ VIIA 3.