การวัดเส้นรอบเอว หรือ เส้นรอบพุง โดยทั่วไปจะได้จากการใช้สายวัดที่ได้มาตรฐานวัดตรงระดับสะดือพอดี ซึ่งผู้ชายจะต้องมีค่าเส้นรอบเอวน้อยกว่า 90 เซนติเมตร และผู้หญิงน้อยกว่า 80 เซนติเมตร ถ้าเส้นรอบเอวใหญ่เกินกว่านี้อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ จากโรคอ้วนได้ 3.
การซักประวัติ เช่น ประวัติครอบครัว ประวัติโรคประจำตัว การมีประจำเดือน ประวัติการตั้งครรภ์ การใช้ยาโดยเฉพาะยาคุมกำเนิดและยาฮอร์โมน 2. การตรวจร่างกาย เช่น การวัดความดันโลหิต วัดส่วนสูง น้ำหนัก คำนวณค่า Body Mass Index (BMI) เพื่อดูภาวะอ้วน ตรวจลักษณะการกระจายของขน สิว ผิวมัน และลักษณะบุรุษเพศ การตรวจภายใน เช่น การทำอัลตราชาวน์ทางช่องคลอดเพื่อดูรังไข่ หรือการเจาะเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน 3. ตรวจประเมินภาวะของโรคเบาหวานและไขมันในเลือด ซึ่งพบได้บ่อยในโรค แนวทางการรักษา 1. แนะนำให้ลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย และควบคุมอาหารในกลุ่มที่มีน้ำหนักตัวเกิน 2. กลุ่มที่ไม่ต้องการมีบุตร รักษาโดยการใช้ยาฮอร์โมนซึ่งจะทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น ประจำเดือนจะมาสม่ำเสมอ ผลข้างเคียงของยาเหมือนยาเม็ดคุมกำเนิดทั่วไป เช่น มี คลื่นไส้ อาเจียนได้บ้าง 3. กลุ่มที่ต้องการมีบุตร การรักษาด้วยยากระตุ้นการตกไข่ การรักษาด้วยการผ่าตัด ใช้ในกลุ่มสตรีที่มีบุตรยาก กรณีที่ไม่สามารถชักนำให้เกิดการตกไข่ด้วยยา ต้องทำการส่องกล้องผ่านทางหน้าท้องแล้วจี้ด้วยไฟฟ้าหรือด้วยเลเซอร์ที่ผิวรังไข่ให้เป็นจุดๆ (Ovarian dilling) 4-8 จุด เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตกไข่และการตั้งครรภ์ ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อมีภาวะ PCOS เพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการรุนแรงขึ้น หรือมีภาวะแทรกช้อน สิ่งที่ควรปฏิบัติ ได้แก่ 1.
ทานไฟเบอร์ไม่เพียงพอ การทานไฟเบอร์น้อยเกินไป นอกจากจะทำให้มีอาการท้องผูกแล้ว ยังทำให้คุณมีหน้าท้องสะสมอีกด้วย เพราะไฟเบอร์เป็นอาวุธสำคัญที่จะช่วยลดไขมันหน้าท้องได้ หากใครไม่อยากมีหน้าท้องให้รีบเพิ่มไฟเบอร์ให้ร่างกายด่วน 8. แอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ยิ่งดื่มยิ่งอ้วนลงพุง เพราะในแต่ละแก้วที่ดื่มเข้าไปแคลอรีไม่น้อย ทำให้ไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากเป็นพิเศษ จากการศึกษาพบว่า อาสาสมัครที่ดื่มเก่งจะมีรอบเอวที่หนาและมีพุงมากกว่าอาสาสมัครที่ไม่ค่อยดื่มหรือไม่ดื่มเลย ดังนั้นเพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดีควรหันมาดื่มน้ำเปล่าจะดีที่สุด 9. ไขมันทรานส์ ร่างกายของคนเราไม่ได้มีปฏิกิริยากับไขมันทุกประเภทในรูปแบบเดียวกัน การรับประทานไขมันอิ่มตัว (พบได้ในเนื้อสัตว์และนม) จะทำให้ไขมันในช่องท้องเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (พบได้ในน้ำมันมะกอกและอะโวคาโด้) กับไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนบางประเภท (เช่น โอเมก้า3 พบได้ในถั่ววอลนัท เมล็ดทานตะวัน และปลาแซลมอน) จะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบในร่างกาย และถ้ารับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็จะมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก แต่หากรับประทานมากเกินไปจะทำให้แคลอรี่กับน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ 10.
ประเภทข่าว: สาระสุขภาพ วันที่: 2015-12-04 15:36:02
วันที่ 09 ส. ค. 2564 เวลา 07:47 น. โรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ หรือ Polycystic Ovarian Syndrome (PCOS) หมายถึง กลุ่มอาการที่รังไข่มีถุงน้ำหลายใบ เป็นความผิดปกติของต่อมไร้ท่อที่พบบ่อยที่สุดทางนรีเวชในสตรีวัยเจริญพันธุ์ในช่วงอายุ 18-45 ปี สาเหตุของโรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ หรือ Polycystic Ovarian Syndrome (PCOS) กลไกการเกิด PCOS ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ในปัจจุบันพบว่าสตรีที่เป็นโรคนี้จะมีความผิดปกติของฮอร์โมนอยู่หลายตำแหน่ง รวมทั้งที่รังไข่ซึ่งจะสร้างฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติ อาจพบว่ามีระดับเอนไซม์อินซูลินในกระแสเลือดมากกว่าปกติด้วย อาการ 1. ในสตรีบางคนอาจมีประจำเดือนมาไม่ปกติ มีรอบเดือนนานมากกว่า 35 วัน หรือมีเลือดออกมากผิดปกติ แต่ในสตรีบางคนอาจมีประจำเดือนขาดหายเป็นปี หรือมีประจำเดือนกะปริดกะปรอยเป็นเวลา 10-20 วัน หรือบางครั้งมาด้วยอาการปวดประจำเดือน 2. อ้วน น้ำหนักตัวเกิน ลักษณะเป็นอ้วนแบบลงพุง 3. มีอาการแสดงถึงภาวะฮอร์โมนเพศชายสูง เช่น มีศีรษะล้านแบบเพศชาย ใบหน้ามีสิว ผิวมัน มีขนดกขึ้นบริเวณแขน ขา ใบหน้า ร่องอก และท้องส่วนล่าง เป็นต้น 4. มีบุตรยาก เนื่องจากมีความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ การวินิจฉัย 1.
คนเอเชีย ถ้ามีค่า BMI เกินกว่า 23 ขึ้นไปก็จะถือว่าน้ำหนักเกิน และหากค่าตั้งแต่ 25 ขึ้นไปก็จัดว่าเป็นโรคอ้วน - โรคอ้วน เหตุเสี่ยงมะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก หรือมะเร็งมดลูกเป็นโรงมะเร็งในผู้หญิงที่พบมากเป็นอันดับ 3 ในปัจจุบัน รองจากมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก มีข้อมูลพบว่า ผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือน จะมีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดนี้ได้สูงขึ้น แต่บ่อยครั้งที่พบในผู้หญิงอายุ 30-45 ปี ที่มีความผิดปกติของฮอร์โมนและมีน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วน โรคอ้วน เหตุเสี่ยงมะเร็งเต้านม พญ.
5 เท่า เพราะ 80% ของการเกิดมะเร็งเต้านมพบว่า สัมพันธ์กับการกระตุ้นจากฮอร์โมนเอสโตรเจน ขณะที่ความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกก็จะเพิ่มขึ้น 2-4 เท่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงน้ำหนักปกติ "บ่อยครั้งที่พบว่า คนไข้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนไม่ปกติ ตั้งแต่ก่อนประจำเดือนจะหมด หลายรายมองข้าม เรื่องเหล่านี้ไป ไม่ได้ดูแลควบคุม และพบว่าเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุยังน้อย การสะสมของไขมันที่มีมากซึ่งเป็นอีกแหล่งที่ให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งจะกระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาตัวผิดปกติ และพัฒนาเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก โดยเริ่มจากอาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด" พญ. ธิศรา กล่าว ปัญหาของการลดน้ำหนักที่ไม่ได้ผล ส่วนใหญ่เกิดจากการไม่สามารถค้นพบสาเหตุที่แฝงอยู่ในความอ้วนนั้น ซึ่งการวินิจฉัยและรักษาโดยศาสตร์การแพทย์เฉพาะเจาะจง (Precision medicine) จะทำให้ค้นพบปัญหา และวางแผนการรักษาได้ตรงจุดอย่างได้ผล ได้แก่ การตรวจไขมันสะสมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายด้วย DEXA scan การตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ การตรวจยีน ที่สามารถจะบอกถึงรูปแบบอาหารที่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพและการควบคุมน้ำหนัก การเผาผลาญ ความไวต่ออาหาร หรือความสามารถในการขจัดสารพิษ แนวโน้มการขาดวิตามิน รวมถึงการออกกำลังกายที่เหมาะสมและส่งผลให้ควบคุมน้ำหนักได้" พญ.
ธิศรา วีรสมัย สูตินรีแพทย์ หัวหน้าศูนย์สุขภาพสตรีและหัวหน้าศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 1 บทความแนะนำ เครียดสะสม เสี่ยงอาการหัวใจสลาย (Broken Heart Syndrome) 5 วิธีรับมือ ช่วยให้หยุดกิน – กินเพราะความเครียด เมื่อต้องอยู่บ้านนานๆ "กิน–นอน" อย่างไร ให้ห่างไกล โรคอ้วน – ข้อมูลดูแลสุขภาพแบบจัดเต็ม ต้องทานอาหารเสริมอย่างไร ถึงจะได้ผลดี – ทานอาหารเสริมทำไม ทานเมื่อไหร่ แผลไฟไหม้ รักษาไว หายเร็วขึ้น – การปฐมพยาบาล ดูแลแผลเบื้องต้น