ศ. 2559
"ไม้ยาง" 14 - 19 ล้านตัน/ปีของไทย อนาคตสดใสผลิต "ชีวมวลอัดเม็ด" หรือ " Wood Pellet " ป้อนโรงงานไฟฟ้าชีวมวลของญี่ปุ่น หลังจากญี่ปุ่นเจอวิกฤติพลังงาน "นิวเคลียร์" จึงหันมาใช้พลังงาน "ชีวมวล" ผลิตไฟฟ้ามากกว่า 5 GW โดย ล่ าสุดเอกชนญี่ปุ่น-ไทย ลงทุนโรงงานผลิต Wood Pellet ในภาคใต้ 6 โรงงาน กำลังผลิตรวม 1 ล้านตัน / ปี โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มบริษัท JC Service จำกัด ประเทศญี่ปุ่น หรือ กลุ่ม JCS ได้ลงนามร่วมลงทุน กับ บริษัท นัมเบอร์ไนน์ กรีนพาวเวอร์ จำกัด เพื่อผลิต Wood Pellet ขนาด 700 ตัน/วัน ใน จ. พังงา ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ล่าสุด กลุ่ม JC Service ได้ลงนามร่วมลงทุนกับบริษัทเพิ่มเติมอีก 3 บริษัท คือ 1. Number Nine Corporation Co., Ltd. (จ. สุราษฎร์ธานี), 2. Energy Bright Co., Ltd. ( จ. ชลบุรี) และ 3. NK Discovery Co., Ltd. (จ. กระบี่) รวมกำลังผลิต 3 โรงงาน 1 ล้านตัน/ปี - Advertisement - ญี่ปุ่นมีเป้าหมายการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลมากกว่า 5 GW โดยกลุ่ม JCS ได้รับใบอนุญาตให้ผลิตไฟฟ้าขนาด 50 MW จำนวน 20 โรงงาน กำหนดเริ่มเดินเครื่อง ปี ค. ศ.
เลขทะเบียน 0845557007914 ประกอบธุรกิจ โรงงานแปรรูปไม้ยางพารา หมวดธุรกิจ: การเลื่อยไม้ ค้นหาผู้ประกอบการธุรกิจเดียวกัน สถานะ ยังดำเนินกิจการอยู่ วันที่จดทะเบียน 29 กันยายน 2557 ทุนจดทะเบียน 30, 000, 000 บาท ที่ตั้ง 8/8 หมู่ที่ 3 ตำบลเขาหัวควาย อำเภอพุนพิน จ. สุราษฎร์ธานี สมาชิก สามารถดูข้อมูลการติดต่อเพิ่มเติมได้ สมัครสมาชิกฟรี ค้นหาเบอร์โทร, Facebook, ข่าวสำคัญ ดูตำแหน่งงานจาก JOBBKK
ศ. 1950 (พ. 2493) ซึ่งใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงมาโดยตลอด ต่อมาในปี ค. 2011 (พ.
ราช กรุ๊ป จับมือพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุนในลาว ผุดโครงการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง (Wood Pellet) 6 หมื่นตัน/ปีในลาว คาดเริ่มจำหน่ายต้นปี 65 นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ราช กรุ๊ป (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัท ราช-ลาว เซอร์วิส จำกัด (RATCH-LAO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในลาว ร่วมกับบริษัท บุรีรัมย์กรีนเอ็นเนอร์จี จำกัด (BGE) ประเทศไทย และ SIPHANDONE BOLAVEN DEVELOPMENT COMPANY LIMITED (SPD) สปป. ลาว ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในนาม SIPHANDONE-RATCH LAO CO., LTD. ในลาว เพื่อพัฒนาโครงการผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง (Wood Pellet) ขนาดกำลังการผลิต 6 หมื่นตัน/ปี บริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านกีบ หรือราว 1. 7 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการลงทุนดังนี้คือ ราช-ลาว เซอร์วิส 25%, บุรีรัมย์กรีน เอ็นเนอร์จี 65% และ SDP 10% ตามลำดับ สำหรับโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการเจรจาสัญญา และขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างโรงงานผลิต Wood Pellet ได้ภายในเดือน มี. ค. 64 และเริ่มส่ง Wood Pellet ขายตามสัญญาได้ภายในไตรมาส 1/65